Nothing เปิดตัวหูฟังไร้สาย Ear 3 รุ่นล่าสุดในราคา 179 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,200 บาท) พร้อมนวัตกรรม Super Mic ซึ่งเป็นระบบไมโครโฟนทิศทางที่ติดตั้งอยู่ในกล่องชาร์จ รายงานจาก The Verge ระบุว่าหูฟังรุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความพยายามผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยี แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม ทำให้ Ear 3 รู้สึกคล้ายกับ Ear 1 รุ่นแรกของบริษัทที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์แต่ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพัฒนา
ฟีเจอร์เด่นของ Ear 3 คือระบบ Super Mic ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพเสียงในการโทร การบันทึกเสียง และการโต้ตอบกับผู้ช่วย AI กล่องชาร์จติดตั้งไมโครโฟนขนาดใหญ่ 2 ตัว ตัวหนึ่งอยู่ด้านข้างและอีกตัวอยู่ด้านล่าง พร้อมปุ่ม "TALK" ขนาดใหญ่สำหรับเปิดใช้งาน ผู้ใช้สามารถกดสองครั้งเพื่อสลับจากไมโครโฟนหูฟังมาใช้ไมโครโฟนบนกล่อง หรือกดค้างเพื่อเปิดใช้งานชั่วคราว ข้อจำกัดคือต้องมีหูฟังอย่างน้อย 1 ข้างออกจากกล่องและเชื่อมต่อกับโทรศัพท์จึงจะใช้งานได้ เนื่องจากกล่องไม่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้โดยตรง
คุณภาพของ Super Mic มีความแปรปรวนค่อนข้างมาก ในบางครั้งให้เสียงที่ดีพอสำหรับการบันทึกวิดีโอโซเชียลมีเดีย แต่บางครั้งก็ไม่ได้ดีกว่าหรือแย่กว่าไมโครโฟนบนตัวหูฟังเสียอีก ปัญหาหลักมาจากทิศทางของไมโครโฟน หากถือกล่องในระยะและมุมที่เหมาะสม จะได้เสียงที่มีความลึก อบอุ่น และชัดเจนกว่าหูฟัง แต่หากถือไกลเกินไป ใกล้เกินไป หรือมีมือบังไมโครโฟน คุณภาพจะลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาความเข้ากันได้ Super Mic ใช้งานได้กับแอปโทรศัพท์ WhatsApp Zoom และ iOS Voice Memos แต่ไม่รองรับแอปกล้องมาตรฐานบน iOS และ Android ส่วนใหญ่ จึงต้องใช้แอปบุคคลที่สามอย่าง Blackmagic ที่สามารถเลือกไมโครโฟนได้ ระบบยังมีปัญหา lag เล็กน้อยที่อาจทำให้เสียงไม่ sync กับวิดีโอ
ด้านคุณสมบัติอื่นๆ Ear 3 มาพร้อมการตัดเสียงรบกวนระดับกลางซึ่งเป็นมาตรฐานในระดับราคานี้ จะไม่เงียบสนิทเหมือนรุ่นระดับพรีเมียมอย่าง Bose QuietComfort Ultra ที่ราคา 299 ดอลลาร์ แต่คุณภาพเสียงโดยรวมดีขึ้นจากรุ่นก่อน รองรับ LDAC Hi-Res audio, โปรไฟล์เสียงแบบปรับตามผู้ใช้, EQ ปรับแต่งได้ทั้งแบบ 3 และ 8 ช่อง, spatial audio, โหมด low latency สำหรับเกม และ multipoint สำหรับเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน การตั้งค่าเริ่มต้นเน้นเสียงเบสที่หนักและชัดเจน พร้อมโหมดเพิ่มเบสสำหรับผู้ที่ชอบเสียงทุ้มหนักขึ้นไปอีก
ด้านแบตเตอรี่ Ear 3 ให้เวลาใช้งานประมาณ 5.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเมื่อเปิด ANC หรือ 10 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC กล่องชาร์จสามารถชาร์จเพิ่มได้อีก 3 รอบ รวมเป็น 22 ชั่วโมงสำหรับการฟังพร้อม ANC หรือ 38 ชั่วโมงโดยไม่เปิด ANC ใช้เวลาชาร์จผ่าน USB-C ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงผ่าน Qi wireless charging ดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์แบบ Nothing ผสมผสานพลาสติกขาว ดำ และโปร่งใส โดยเพิ่มส่วนโลหะอลูมิเนียมที่ก้านหูฟังและตัวกล่องชาร์จเพื่อปรับปรุงสัญญาณเสาอากาศและเพิ่มความรู้สึกพรีเมียม ทั้งหูฟังและกล่องมีมาตรฐาน IP54 สำหรับกันฝุ่นและน้ำ
โดยสรุป Nothing Ear 3 เป็นหูฟังที่มีนวัตกรรม Super Mic ที่น่าสนใจ แต่ยังต้องพัฒนาให้สมบูรณ์ขึ้น การปรับปรุงคุณภาพเสียง ฟีเจอร์ที่ครบครัน และราคาที่สมเหตุสมผลทำให้ Ear 3 มีความคุ้มค่าในระดับ $179 อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มองหา Super Mic ที่ใช้งานได้อย่างสม่ำเสมออาจต้องรอรุ่นถัดไปอย่าง Ear 4 ที่น่าจะมีการพัฒนาระบบนี้ให้สมบูรณ์มากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังคุณภาพดีในราคาไม่แพงและไม่จำเป็นต้องใช้ Super Mic อาจพิจารณารุ่น Ear รุ่นก่อนที่ยังมีขายในราคาลดลงก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
