SoftBank ลงทุน 5.4 พันล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อกิจการแผนกหุ่นยนต์ของ ABB

2865b3fb-6827-8146-8c09-e70a8a966d88.png

SoftBank กำลังกลับมาสู่เวทีหุ่นยนต์อีกครั้งด้วยการเข้าซื้อกิจการแผนกหุ่นยนต์ของ ABB มูลค่ากว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่นภายใต้การนำของ Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้าง "Physical AI" หรือปัญญาประดิษฐ์ทางกายภาพที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมหุ่นยนต์

ดีลครั้งนี้ยังคงรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล และจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ SoftBank ในตลาดหุ่นยนต์ที่บริษัทมีการลงทุนกระจายอยู่แล้วในหลายบริษัท รวมถึง Skild AI ที่ได้รับการลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ในรอบล่าสุด,[1] AutoStore Holdings และ Agile Robots ซึ่งแต่ละบริษัทต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ

แม้ว่า SoftBank จะเคยมีประสบการณ์กับหุ่นยนต์มาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ่นยนต์ Pepper ที่ล้มเหลวไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้บริษัทได้กลับมาให้ความสำคัญกับสาขานี้อย่างจริงจัง Masayoshi Son ประกาศว่า "Physical AI เป็นพรมแดนใหม่ของ SoftBank" และเป็น "วิวัฒนาการที่ก้าวล้ำซึ่งจะขับเคลื่อนมนุษยชาติไปข้างหน้า" โดยแนวคิด Physical AI หมายถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถทำงานและโต้ตอบกับโลกกายภาพได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ประมวลผลข้อมูลดิจิทัลเท่านั้น[2]

กลยุทธ์การลงทุนของ SoftBank ในด้าน AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หุ่นยนต์เพียงอย่างเดียว Son ได้วางแผนการลงทุนขนาดมหึมาถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม AI ที่ประกอบด้วยโรงงานอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน[3] นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในสี่ด้านหลักเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์การพัฒนา AI ระดับ superintelligence ได้แก่ หุ่นยนต์ เทคโนโลยีชิป ศูนย์ข้อมูล และพลังงาน รวมถึงบริษัทที่อยู่แนวหน้าของ generative AI

การเข้าซื้อกิจการ ABB Robotics ในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศ AI แบบครบวงจร แผนกหุ่นยนต์ของ ABB มีพนักงานประมาณ 7,000 คน และมีรายได้ 2.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 พร้อมฐานลูกค้าที่ติดตั้งหุ่นยนต์กว่า 500,000 ตัวทั่วโลก[4] ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ SoftBank ในการแข่งขันในตลาดหุ่นยนต์และ AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว