Realme กำลังเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Realme GT 8 Pro ที่คาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2025 โดยครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่แบรนด์ได้ร่วมมือกับ Ricoh ผู้ผลิตกล้องคอมแพคชื่อดังซึ่งเป็นที่รู้จักจากกล้อง GR III ที่ได้รับความนิยมในหลายผู้ใช้งาน การร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถด้านการถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนให้ใกล้เคียงกับกล้องคอมแพคระดับมืออาชีพมากขึ้น รายงานจากผู้เปิดเผยข้อมูล Digital Chat Station บนแพลตฟอร์ม Weibo ระบุว่าการผนึกกำลังครั้งนี้คล้ายกับความร่วมมือระหว่าง Sony กับ Zeiss, OPPO กับ Hasselblad หรือ Xiaomi กับ Leica ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
ระบบกล้องของ Realme GT 8 Pro จะประกอบด้วยกล้องหลักสามตัว ได้แก่ เซ็นเซอร์หลัก 50 ล้านพิกเซลที่มีขนาดใหญ่ กล้องอัลตร้าไวด์ 50 ล้านพิกเซล และที่น่าสนใจที่สุดคือกล้องเทเลโฟโต้แบบเพอริสโคปความละเอียดสูงถึง 200 ล้านพิกเซล ซึ่งคาดว่าจะสามารถซูมได้อย่างน้อย 5 เท่าด้วยระบบออปติคอล ตัวกล้องจะมีดีไซน์โมดูลแบบสี่เหลี่ยมวางตำแหน่งที่มุมบนซ้ายของตัวเครื่อง สิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกประการหนึ่งคือระบบกล้องจะรองรับฟีเจอร์ "Negative Film" Filter ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากกล้อง Ricoh GR III Diary Edition ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างโทนสีแบบฟิล์มเนกาทีฟ
ด้านสเปกพื้นฐานของเครื่อง Realme GT 8 Pro จะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite Gen 5 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด หน้าจอขนาด 6.78 นิ้วเป็นแบบ AMOLED ความละเอียด 2K จากผู้ผลิต BOE พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตร้าโซนิกใต้หน้าจอ และอัตราการรีเฟรชสูงถึง 165 Hz เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล แบตเตอรี่มีความจุเกือบ 8,000 mAh ซึ่งเป็นหนึ่งในขนาดที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเรือธง นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์สั่นแบบเชิงเส้น ลำโพงสเตอริโอ และระบบปฏิบัติการ Android 16 พร้อม Realme UI 6
ด้วยการนำเทคโนโลยีจาก Ricoh มาผสมผสานกับฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่ง Realme GT 8 Pro น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบสไตล์การถ่ายภาพแบบ Street Photography และต้องการความสะดวกในการพกพาเหมือนกล้อง Ricoh GR III แต่อยู่ในรูปแบบของสมาร์ทโฟนที่ทำงานได้หลากหลาย
รายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า Realme GT 8 Pro คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ Realme GT 8 รุ่นปกติในเดือนตุลาคม 2025 ที่ประเทศจีนก่อน ส่วนการวางจำหน่ายในตลาดสากลอาจมีขึ้นในเดือนธันวาคมหรือต้นปี 2026 ราคาคาดว่าจะอยู่ในระดับ 48,000-79,000 บาทขึ้นอยู่กับรุ่นและความจุหน่วยความจำ ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ OnePlus 13 และ Vivo X200 Pro