เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติของรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 ได้สร้างบทเรียนราคาแพงให้กับหน่วยงานภาครัฐ เมื่อความล้มเหลวในการจัดเตรียมระบบสำรองข้อมูลส่งผลให้บริการภาครัฐหลายร้อยระบบต้องหยุดชะงักอย่างไม่มีกำหนด รายงานจาก CNN และ Reuters ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ National Information Resources Service (NIRS) ในเมือง Daejeon โดยสาเหตุเบื้องต้นคาดว่ามาจากแบตเตอรี่ของ LG Energy Solution ระเบิดขึ้นระหว่างการบำรุงรักษาตามปกติในห้องเซิร์ฟเวอร์
ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับระบบดิจิทัลของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่ทันสมัยที่สุดในโลก ระบบที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งหมด 647 ระบบ ครอบคลุมหน่วยงานตั้งแต่ตำรวจ ดับเพลิง ศุลกากร ระบบพาสปอร์ต ไปจนถึงบริการทางการเงินและไปรษณีย์ของ Korea Post ตามรายงานของ The Korea Herald ระบบที่ได้รับความเสียหายโดยตรงมีจำนวน 96 ระบบ และกระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัยของเกาหลีใต้ยืนยันว่าการกู้คืนระบบเหล่านี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือการค้นพบว่าระบบ G Drive ซึ่งเป็นที่จัดเก็บเอกสารทางราชการแบบ cloud-based ของข้าราชการเกือบ 191,000 คน ไม่เคยมีการสำรองข้อมูลภายนอกเลย ตามที่ผู้อำนวยการสำนักราชการสาธารณะ Lim Jeong-gyu กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ว่า "เนื่องจากระบบไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก เอกสารทั้งหมดที่เก็บไว้จึงสูญหายไป และไม่มีทางกู้คืนเอกสารที่สูญหายได้" แม้ว่าระบบ G Drive จะถูกแนะนำให้ข้าราชการบันทึกเอกสารทั้งหมดลงในระบบนี้แทนการเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2018 แต่กลับไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ
เหตุการณ์นี้ใช้เวลาเกือบ 22 ชั่วโมงในการดับเพลิง และหลังจากผ่านไป 3 วัน หน่วยงานกู้คืนบริการได้เพียง 62 ระบบจาก 647 ระบบ หรือน้อยกว่า 10% เท่านั้น ตามรายงานของ South China Morning Post บริการสำคัญอย่าง Government24 ซึ่งเป็นพอร์ทัลหลักสำหรับบริการสาธารณะสามารถกลับมาใช้งานได้แล้ว แต่เว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัยเอง รวมถึงบริการสำคัญอื่น ๆ ยังคงไม่สามารถให้บริการได้
ประธานาธิบดี Lee Jae Myung ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงความปลอดภัยของระบบบริหารราชการอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล Chuseok ที่กำลังจะมาถึงในเดือนตุลาคม ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีชี้ว่าเหตุการณ์นี้เปิดเผยช่องโหว่ที่สำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเกาหลีใต้ แม้ว่าประเทศจะเคยประสบกับปัญหาการหยุดชะงักของบริการเทคโนโลยีครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง แต่รัฐบาลยังไม่ได้สร้างระบบสนับสนุนที่สามารถกู้คืนบริการสาธารณะที่สำคัญได้ทันที เหตุการณ์นี้จึงเป็นคำเตือนสำคัญถึงความจำเป็นของการมีระบบสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและการวางแผนรับมือภัยพิบัติสำหรับองค์กรทุกขนาด
