Affinity ประกาศให้แอปพลิเคชัน iPad ฟรีสำหรับผู้สร้างโดยไม่ทราบสาเหตุ

28f5b3fb-6827-818c-9f00-e4da45ae6ca9.png

Affinity ผู้พัฒนาชุดซอฟต์แวร์ออกแบบระดับมืออาชีพที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของ Adobe ได้ประกาศให้แอปพลิเคชันบน iPad ทั้งสามตัว ได้แก่ Affinity Designer, Affinity Photo และ Affinity Publisher สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรีผ่าน App Store โดยไม่มีการอธิบายเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมถึงตัดสินใจให้บริการฟรีอย่างกะทันหัน รายงานจาก TechRadar ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทาง Affinity

ปกติแล้ว Affinity Designer สำหรับ iPad มีราคาประมาณ 21.99 ดอลลาร์สหรัฐ Affinity Photo ราคา 21.99 ดอลลาร์ และ Affinity Publisher ราคา 21.99 ดอลลาร์เช่นกัน ซึ่งหากซื้อครบทั้งสามตัวจะมีมูลค่ารวมกว่า 65 ดอลลาร์สหรัฐ การที่แอปเหล่านี้เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีจึงถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ iPad ที่สนใจงานออกแบบกราฟิก การแก้ไขภาพถ่าย และงานจัดหน้าเอกสาร

แอปพลิเคชันทั้งสามตัวนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นทางเลือกคุณภาพสูงที่สามารถทดแทน Adobe Photoshop, Illustrator และ InDesign ได้อย่างสมบูรณ์ โดย Affinity Photo มีความสามารถในการแก้ไขภาพถ่ายขั้นสูง รองรับไฟล์ RAW และมีเครื่องมือ layer ที่ครบครัน ส่วน Affinity Designer เหมาะสำหรับงาน vector graphics และออกแบบโลโก้ ในขณะที่ Affinity Publisher ใช้สำหรับงานจัดหน้าสิ่งพิมพ์และเอกสารหลายหน้า แอปบน iPad รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ทำให้สามารถวาดและแก้ไขงานได้อย่างละเอียด

ความลึกลับของการเปิดให้ใช้ฟรีครั้งนี้ทำให้เกิดการคาดเดาในหมู่ผู้ใช้ โดยเฉพาะหลังจากที่ Canva แพลตฟอร์มออกแบบออนไลน์ยักษ์ใหญ่ได้เข้าซื้อกิจการ Serif ผู้พัฒนา Affinity เมื่อต้นปี 2024 ในราคาหลายร้อยล้านปอนด์ มีการคาดการณ์ว่าการให้บริการฟรีนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้ใช้ใหม่ หรืออาจเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจในอนาคต

นักวิเคราะห์ตลาดซอฟต์แวร์มองว่าการเปิดให้ iPad apps ฟรีอาจเป็นการทดสอบตลาดเพื่อสร้างฐานผู้ใช้ที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ iPad เป็นอุปกรณ์หลักในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ทาง Affinity ยังคงเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับเวอร์ชัน desktop บน macOS และ Windows ตามปกติ ซึ่งยังคงใช้โมเดลการซื้อขาดไลเซนส์ครั้งเดียว ผู้ที่สนใจควรรีบดาวน์โหลดในโอกาสนี้ เนื่องจากไม่มีการระบุว่าโปรโมชันนี้จะคงอยู่นานเท่าใด

ที่มา: TechRadar