JPMorgan Chase ธนาคารชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ยืนยันการลงทุนด้านเทคโนโลยีในระดับสูงสุดของวงการการเงิน โดยจัดสรรงบประมาณเทคโนโลยีสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในหมู่สถาบันการเงินทั่วโลก ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ Digital Banking อย่างเต็มรูปแบบ
งบประมาณมหาศาลนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน โดยธนาคารลงทุนด้านความปลอดภัยและการอัปเกรดระบบกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ ครึ่งหนึ่งของเงินทุนนี้ถูกนำไปใช้สำหรับ Digital Modernization และการย้ายระบบไปยัง Cloud Computing โดยตั้งเป้าหมายให้ 75% ของข้อมูลและ 70% ของแอปพลิเคชันทั้งหมดทำงานบน Cloud ภายในปี 2024 การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพของระบบ
ด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย JPMorgan Chase ได้ก้าวเข้าสู่โลกของ Quantum Computing อย่างจริงจัง ธนาคารประสบความสำเร็จในการพัฒนา Quantum-Secured Crypto-Agile Network (Q-CAN) ที่เชื่อมต่อศูนย์ข้อมูล 2 แห่งด้วยความเร็วสูง พร้อมทั้งสร้างจุดทดสอบควอนตัมที่สาม เพื่อทดลองเทคโนโลยีควอนตัมรุ่นถัดไปที่เหมาะกับธุรกรรมทางการเงิน ระบบนี้ใช้เทคนิค Quantum Key Distribution (QKD) เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายหลายระบบที่ทำงานผ่านไฟเบอร์ออปติกความเร็ว 100 Gbps
Lori Beer ผู้บริหารสูงสุดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลกของ JPMorgan Chase กล่าวว่า "เรากำลังลงทุนด้านความปลอดภัยควอนตัมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับยุคที่เทคโนโลยีควอนตัมเติบโตเต็มที่ เรากำลังเตรียมกลยุทธ์การป้องกันแบบสองทาง ที่รวมทั้ง Post-Quantum Cryptography และ QKD เข้าด้วยกัน" การลงทุนนี้ชี้ให้เห็นว่าธนาคารตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถถอดรหัสระบบเข้ารหัสแบบดั้งเดิมได้
การลงทุนอย่างต่อเนื่องของ JPMorgan Chase ไม่เพียงแต่ทำให้ธนาคารก้าวนำหน้าคู่แข่งอย่าง Bank of America ที่มีงบประมาณเทคโนโลยีเพียง 12 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการเงินทั้งหมด ที่ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัลและภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิงจาก CIO.inc, BankInfoSecurity และ JPMorgan Chase Official Website
