ในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของเรา การใช้อีเมลกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสารทางออนไลน์ และ Gmail คือหนึ่งในบริการอีเมลยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ก่อตั้งโดย Google และเปิดให้บริการเมื่อปี 2004 โดยได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกสบายและคุณภาพที่ดีของบริการ
นอกจากความสะดวกสบายที่ Gmail นำเสนอ ยังมีทริคหนึ่งที่เราสามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการอีเมลของเรา นั่นคือการใช้เครื่องหมาย “+” ในชื่ออีเมลของเรา
ทริคนี้ใช้ได้ง่ายๆ โดยเพียงแค่เพิ่มเครื่องหมาย “+” ที่ต่อจากชื่อผู้ใช้งานของเรา และตามด้วยข้อความที่เราต้องการ เช่น สมมติว่าชื่อผู้ใช้งานของเราคือ
itthailand@gmail.com
เราสามารถใช้ “itthailand+ ที่อยู่สำหรับการจัดส่งของคุณ@gmail.com” หรือ
itthailand+finance@gmail.com
หรืออะไรก็ตามที่เราต้องการ เมื่อเราได้เพิ่มเครื่องหมาย “+” ลงในชื่ออีเมลของเราแล้ว Gmail จะตรวจจับอีเมลนั้นและส่งมายังที่อยู่หลักของเรา
ทริคการเติม “+” ในชื่ออีเมลมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน เช่น:
- คัดแยกอีเมล: เมื่อใช้เครื่องหมาย “+” ในชื่ออีเมล เราสามารถระบุให้ Gmail รู้ว่าอีเมลนั้นมาจากแหล่งที่มาใด ซึ่งเป็นประโยชน์ในกรณีที่เราต้องการคัดแยกอีเมลของเราออกเป็นกลุ่ม เช่น อีเมลสำหรับการสมัครสมาชิกหรืออีเมลสำหรับการติดต่องาน นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เครื่องหมาย “+” ในการบล็อกอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
- รับรู้ข้อมูลการติดต่อที่ถูกเผยแพร่: เมื่อเราใช้เครื่องหมาย “+” ในชื่ออีเมลที่เราใช้เมื่อลงทะเบียนหรือสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์หรือบริการต่างๆ เราสามารถระบุว่าข้อมูลการติดต่อที่ถูกเผยแพร่มานั้นมาจากที่ไหน และสามารถระวังการสแปมอีเมลหรือการแพร่กระจายข้อมูลส่วนตัวได้
- จัดการอีเมล: เราสามารถใช้เครื่องหมาย “+” ในชื่ออีเมลเพื่อจัดการอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เราสามารถสร้างกฎการกรองใน Gmail เพื่อนำเอาอีเมลที่ถูกส่งมาที่ “itthailand+finance@gmail.com” ไปอยู่ในโฟลเดอร์ “Newsletter” หรือสร้างกฎอื่นๆ ที่ต้องการให้ Gmail จัดการให้เรา
การใช้เครื่องหมาย “+” ในชื่ออีเมลเป็นทริคที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการจัดการอีเมลของเรา มันช่วยให้เราสามารถระบุแหล่งที่มาของอีเมล แยกแยะอีเมลต่างๆ และจัดการอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ชีวิตออนไลน์ของเราสะดวกสบายและมีระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น