OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT กำลังเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือตอบคำถามธรรมดา ให้กลายเป็น "Everything App" หรือแอปพลิเคชันที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ตามรายงานจาก Mashable และ WIRED ระบุว่าทิศทางนี้ชัดเจนขึ้นหลังจาก OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่หลากหลายอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2024 ผ่านแคมเปญ "12 Days of OpenAI" ที่ประกาศความสามารถใหม่ทุกวันเป็นเวลา 12 วันติดต่อกัน[1][2]
แผนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาจากเอกสารภายในที่รั่วไหลระหว่างคดีความต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกับ Google โดยเอกสารชื่อ "ChatGPT: H1 2025 Strategy" เผยว่า OpenAI ตั้งเป้าพัฒนา ChatGPT ให้เป็น "AI Super Assistant" ที่รู้จักผู้ใช้แบบเฉพาะบุคคล เข้าใจความต้องการ และพฤติกรรมของแต่ละคน พร้อมช่วยเหลือได้ทุกด้านในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือเดินทาง โดยจะสามารถเข้าถึงได้ผ่านหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ แอปมือถือ อีเมล โทรศัพท์ และแม้แต่ผ่าน Siri ของ Apple[3][4]
ฟีเจอร์เด่นที่ถูกเปิดตัวล่าสุด ได้แก่:
- Shopping Feature ที่ให้ผู้ใช้ค้นหาและเปรียบเทียบสินค้าได้โดยตรงใน ChatGPT โดยระบบจะวิเคราะห์รีวิวและปรับคำแนะนำตามความชอบส่วนตัว เช่น หากผู้ใช้บอกว่าชอบสีดำ ระบบจะจดจำและแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการ[5]
- ChatGPT Pulse ฟีเจอร์ที่ให้ AI เริ่มต้นการสนทนาก่อน เปิดตัวในเดือนกันยายน 2025 สำหรับผู้ใช้ Pro บนมือถือ ซึ่งช่วยลดภาระในการคิดว่าควรถามอะไรต่อไป[6]
- Deep Research เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ใช้โมเดล o3 ในการวิเคราะห์แหล่งข้อมูลหลายแหล่งและสร้างรายงานเชิงลึกภายใน 5-30 นาที[7]
- Video และ Screen Sharing ในโหมดเสียงขั้นสูง ทำให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าจอหรือวิดีโอเพื่อให้ AI วิเคราะห์แบบเรียลไทม์[8]
นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดตัว App Store สำหรับ ChatGPT ที่ให้นักพัฒนาสร้างฟังก์ชันเสริมได้ คล้ายกับกลยุทธ์ของ Apple และ Google ซึ่งจะช่วยขยายความสามารถของ ChatGPT ให้ครอบคลุมมากขึ้น รายงานจาก SaaStr ระบุว่า ChatGPT กำลังกลายเป็น "front-end" ของแอปพลิเคชัน B2B จำนวนมาก และอาจแทนที่ซอफต์แวร์หลายตัวในอนาคต[9]
แนวคิด "Everything App" นี้มีต้นกำเนิดจาก Elon Musk ที่ต้องการเปลี่ยน X (Twitter เดิม) ให้เป็นแอปเดียวที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่การชำระเงิน ส่งข้อความ โทรศัพท์ และวิดีโอคอล ขณะนี้ OpenAI กำลังนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI โดยเน้นที่การเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้าใจและปรับตัวตามผู้ใช้แต่ละคน ทำให้ ChatGPT พัฒนาจากเครื่องมือตอบคำถามไปสู่แพลตฟอร์มที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตดิจิทัลในอนาคต[10]
