เบโซสเสนอแนวคิดศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอวกาศเพื่อลดปัญหาการใช้พลังงานและความร้อน

2885b3fb-6827-819c-8460-f19a125de11d.png

เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้ง Amazon และบริษัทอวกาศ Blue Origin กำลังมองหาทางออกสำหรับปัญหาการใช้พลังงานของระบบ AI ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยแนวคิดในการพัฒนาศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในอวกาศ ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่มีขัดจังหวะและไม่จำกัด

ปัจจุบัน AI data centers บนโลกกำลังเผชิญกับปัญหาด้านพลังงานและความร้อนอย่างหนัก รายงานจาก Amazon Web Services เผยว่าศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในรัฐอินเดียนาของสหรัฐฯ จะบริโภคพลังงานถึง 2.2 กิกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานของบ้านเรือนประมาณ 1 ล้านหลังคาเรือน นอกจากนี้ยังต้องใช้น้ำหลายล้านแกลลอนต่อปีเพื่อระบายความร้อนชิปประมวลผล ซึ่งกลายเป็นต้นทุนและข้อจำกัดที่สำคัญต่อการขยายตัวของเทคโนโลยี AI[1][2]

Blue Origin ได้เริ่มพัฒนาโครงการที่ชื่อว่า Blue Ring ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอวกาศสำหรับโลจิสติกส์และการส่งมอบในอวกาศ โครงการนี้จะมีความสามารถในการประมวลผลคลาวด์คอมพิวติ้งในอวกาศ (in-space cloud computing) พร้อมด้วยชิปประมวลผลที่ทนทานต่อรังสีในปริมาณมาก เบโซสเองได้กล่าวว่า Blue Ring มีระบบคอมพิวเตอร์ที่ทนต่อรังสีจำนวนมากติดตั้งอยู่ โดยสามารถรองรับน้ำหนักส่วนบรรทุกได้มากกว่า 3,000 กิโลกรัม[3][4]

แนวคิดศูนย์ข้อมูล AI ในอวกาศมีข้อได้เปรียบหลายประการ อันดับแรกคือการเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ถูกบดบังจากชั้นบรรยากาศหรือการหมุนของโลก ทำให้สามารถผลิตพลังงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมอวกาศที่เย็นจัดยังช่วยในการระบายความร้อนจากชิปประมวลผลได้โดยธรรมชาติ ลดความจำเป็นในการใช้น้ำและระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าและน้ำบนโลก

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงที่สำคัญหลายประการ ต้นทุนในการส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศยังคงสูงมาก แม้ว่าจะมีจรวด New Glenn ของ Blue Origin ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ก็ตาม การบำรุงรักษาและซ่อมแซมอุปกรณ์ในอวกาศเป็นเรื่องยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ปัญหารังสีจากอวกาศที่อาจส่งผลต่อความเสถียรของชิปอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงความล่าช้าของสัญญาณในการสื่อสารกับพื้นโลก ยังคงเป็นอุปสรรคทางเทคนิคที่ต้องแก้ไข แม้ว่าแนวคิดนี้จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะเป็นจริง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาพลังงานของ AI ในอนาคต